4/07/2554

ประวัติอาดัม

นบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม

ก่อนที่โลกนี้จะมีมนุษย์ ในสวนสวรรค์อันเป็นส่วนหนึ่งแห่งอาณาจักรของอัลลอฮฺ ( ซ.บ. )วันหนึ่ง อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )ได้ทรงกล่าวแก่บรรดามลาอิกะฮฺ ซึ่งเป็นบริวารรับใช้พระองค์ว่า “ ฉันจะสร้างตัวแทน ( เคาะลีฟะฮ ฺ) คนหนึ่งขึ้นมาบนหน้าแผ่นดิน 

มลาอิก๊ะฮฺได้ถามว่า “ พระองค์จะทรงสร้างผู้ก่อความเสียหายและผู้หลั่งเลือดขึ้นมาในหน้าแผ่นดินกระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่พวกเราทั้งหลายก็แซ่ซ้องสรรเสริญ และสดุดีความบริสุทธิ์ของพระองค์อยู่ตลอดเวลาแล้ว ? ”

อัลลอฮฺ จึงได้ทรงกล่าวว่า “ ฉันรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายไม่รู้ ”

หลังจากนั้น อัลลอฮฺได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากดินตามที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ และพระองค์ได้ทรงเป่าวิญญาณของพระองค์เข้าไปในดินที่พระองค์ทรงใช้สร้างมนุษย์ ดังนั้น มนุษย์คนแรกจึงเกิดขึ้นมีนามว่า อาดัม  หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ( ซ.บ.)ก็ได้ทรงสร้างคู่ครองให้แก่อาดัมซึ่งมีนามว่า ฮาวา
เมื่ออาดัมถูกทำให้มีชีวิตขึ้นมาแล้ว อัลลอฮฺได้ทรงสอนอาดัมให้รู้ชื่อของทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการมีชีวิต และต่อการเป็นตัวแทนบนหน้าแผ่นดินตามที่พระองค์ทรงเจตนา อาดัมจึงมีความรู้มากมาย หลังจากนั้นอัลลอฮฺได้ทรงหันไปยังมลาอิก๊ะฮฺ และกล่าวว่า “ ทีนี้พวกเจ้าจงบอกถึงชื่อของสิ่งต่าง ๆ ให้เราได้รู้หน่อยซิ ถ้าหากว่าพวกเจ้าแน่จริง "

มลาอิกะฮฺ จึงตอบว่า “ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ เราไม่มีความรู้ใด ๆ เว้นแต่เท่าที่พระองค์ทรงสอนพวกเราเท่านั้น แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาสามารถ ”

อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) จึงได้ทรงมีบัญชาแก่อาดัมว่า “ อาดัมเอ๋ย ทีนี้เจ้าจงบอกชื่อของสิ่งเหล่านี้ให้แก่พวกเขาซิ ”

เมื่ออาดัมบอกชื่อของสิ่งที่อัลลอฮฺได้มีบัญชาแล้ว พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า “ ฉันมิได้บอกสูเจ้าหรือว่าฉันรู้เรื่องสิ่งเร้นลับของชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินดียิ่งกว่าใคร และรู้ดีถึงสิ่งที่เจ้าเปิดเผยและที่เจ้าปิดบัง ”

หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) ทรงหันไปยังมลาอิก๊ะฮฺ และมีบัญชาว่า “ พวกเจ้าทั้งหลายจงกราบอาดัม ”

มลาอิกะฮฺทั้งหมดทำตามที่อัลลอฮฺบัญชาแต่โดยดี ยกเว้นอิบลีสซึ่งไม่ยอมทำตามบัญชาของพระองค์

อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) จึงทรงถามว่า “ อิบลีส อะไรที่ทำให้สูเจ้าไม่ยอมกราบอาดัมที่ฉันสร้างมากับมือทั้งสองของฉัน เจ้าหยิ่งทะนง หรือสูเจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่ง? ”

อิบลีส จึงตอบว่า “ ฉันดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้างฉันมาจากไฟ แต่พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน พระองค์จะให้ฉันกราบผู้ที่ถูกสร้างมาจากดินกระนั้นหรือ ? ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อัลลอฮฺจึงทรงมีบัญชาว่า “ ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงออกไปจากสวนสวรรค์ และเจ้าไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาเป็นผู้โอหังในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเจ้าจงออกไปเสียจากที่นี่ แท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ถูกสาปแช่งและผู้ได้รับความอัปยศ ฉันจะสาปแช่งเจ้าไปจนกระทั่งวันแห่งการพิพากษา ”

พอรู้ว่าอัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) ทรงกริ้ว อิบลีสจึงได้วิงวอนขอต่อพระองค์ว่า “ โอ้พระเจ้าของฉัน ขอพระองค์ได้ทรงผ่อนผันเวลาให้แก่ฉันไปจนกระทั่งวันที่มนุษย์ถูกทำให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งด้วยเถิด ”

“ ก็ได้ ฉันจะผ่อนผันเวลาให้แก่เจ้าจนถึงวันที่ได้ถูกนัดหมายไว้ ” อัลลอฮ ฺ( ซ.บ. ) ได้ตอบแก่มัน

อิบลีส จึงกล่าวว่า “ โอ้ผู้ทรงมหากรุณาธิคุณ คอยดูเถิด ฉันจะหลอกลวงลูกหลานทั้งหมดของอาดัม ยกเว้นบ่าวของพระองค์บางคนซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ ”

อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )  จึงได้ทรงกล่าวว่า “ จำไว้ นี่คือความจริง และฉันพูดจริง คอยดู ฉันจะทำให้นรกเต็มไปด้วยพวกเจ้า และบรรดามนุษย์ที่ปฏิบัติตามเจ้า 

อิบลีส กล่าวว่า “ ก็เพราะพระองค์ทรงทำให้ฉันหลงผิด ดังนั้นฉันสาบานว่า ฉันจะนั่งซุ่มคอยพวกเขาตามทางที่เที่ยงตรงของพระองค์ แล้วฉันจะจู่โจมพวกเขาจากทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านหลัง ด้านขวาหรือด้านซ้าย แล้วพระองค์ จะพบว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ไม่กตัญญู ”

“ เอาเถิด แต่เจ้าจะไม่มีอำนาจเหนือบ่าวของฉันบางคนที่ฉันจะคุ้มครองเขาไป เจ้าออกไปจากที่นี่ได้แล้ว นรกจะเป็นรางวัลสำหรับเจ้าและผู้ที่ตามเจ้า ” อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) ทรงกล่าวกับอิบลีส

หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) ได้ทรงหันไปหาอาดัมและฮาวา และกล่าวว่า “ อาดัมเอ๋ย อิบลีสคือศัตรูของเจ้าและภรรยาของเจ้า ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้มันทำให้เจ้าทั้งสองต้องถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์ และต้องพบกับความทุกข์ยากลำบาก เพราะในสวนสวรรค์มีสิ่งที่ทำให้เจ้าไม่ต้องหิวโหยไม่ต้องเปลือยกาย ไม่ต้องกระหายน้ำและไม่ต้องตากแดด เจ้ากับคู่ครองของเจ้าจงอยู่ในสวนสวรรค์แห่งนี้ตามสบาย เจ้าทั้งสองจะกินอะไรก็ได้ตามใจเจ้า แต่จงอย่าเข้าใกล้ต้นไม้ต้นนี้ มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ทำผิด ”

อาดัมและฮาวาอยู่กินในสวนสวรรค์อย่างมีความสุขมาเป็นเวลานาน แล้ววันหนึ่ง มารร้ายอิบลีสก็ได้ใช้วิธีการกระซิบในหัวใจของอาดัมและฮาวา เพื่อที่มันจะเปิดเผยสิ่งพึงละอายที่คนทั้งสองปิดบังไว้ต่อกัน มันได้กล่าวแก่คนทั้งสองว่า “ พระเจ้าของท่านทั้งสองห้ามท่านมิให้เข้าใกล้ต้นไม้นี้ ก็เพราะพระองค์ทรงเกรงว่าท่านทั้งสองจะกลายเป็นมลาอิกะฮฺ หรือท่านทั้งสองจะกลายเป็นผู้มีชีวิตนิรันดร์ เชื่อฉันเถอะ ฉันหวังดีต่อท่านทั้งสองจริง ๆ เอาไหม ฉันจะนำเจ้าไปยังต้นไม้ที่ทำให้ชีวิตเป็นอมตะ ? ”

อาดัมและฮาวาหลงเชื่อคำล่อลวงของอิบลีส ดังนั้น ทั้งสองจึงลองเข้าใกล้ต้นไม้ที่อัลลอฮฺได้ทรงสั่งห้ามไว้และลองลิ้มรสผลไม้ ทันใดนั้นสิ่งพึงละอายของคนทั้งสองก็ถูกเปิดเผยต่อกัน อาดัมและฮาวาต่างรีบหาใบไม้ใกล้ ๆ นั้นมาปกปิดสิ่งพึงสงวนของตัวเองให้พ้นจากความละอาย

หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) ได้ทรงเรียกอาดัมและฮาวาออกมา และทรงกล่าวว่า “ ฉันมิได้ห้ามเจ้าทั้งสองเข้าใกล้ต้นไม้นี้และเตือนเจ้าทั้งสองว่ามารร้ายเป็นศัตรูที่ชัดเจนของเจ้ากระนั้นหรือ ? ”

ทั้งสองจึงกล่าวว่า “ โอ้พระผู้อภิบาลของเรา เรากระทำความผิดต่อตัวเราเองไปแล้ว ถ้าหากพระองค์ไม่ทรงให้อภัยแก่เราและทรงเมตตาต่อเราแล้ว เราจะต้องเป็นผู้หายนะอย่างแน่นอน ”

เมื่ออาดัมสำนึกผิด พระองค์จึงทรงรับการสำนึกผิดของเขา เพราะพระองค์คือผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

หลังจากนั้น อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวแก่ทั้งสองว่า “ จงลงไปจากที่นี่เสีย เจ้ากับอิบลีสจะเป็นศัตรูต่อกันและกัน แผ่นดินจะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับเจ้าชั่วระยะเวลาหนึ่ง และเจ้าจะได้รับปัจจัยยังชีพต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ณ ที่นั้น เจ้าจะมีชีวิต และ ณ ที่นั้น เจ้าจะตาย และ ณ ที่นั้นอีกเช่นกันที่เจ้าจะถูกนำออกมา หลังจากนี้แล้ว ถ้ามีแนวทางจากฉันมายังเจ้า แล้วผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางของฉัน พวกเขาก็จะไม่ต้องหวาดกลัว แต่ผู้ใดปฏิเสธแนวทางของฉันแล้ว พวกเขาก็จะได้อยู่ในนรก ”

หลังจากที่ลงมาอยู่บนโลกแห่งนี้แล้ว อาดัมและฮาวาก็มีลูกหลานมากมายแพร่ขยายไปยังทุกส่วนของโลก และทั้งสองก็ได้กลายเป็นต้นตระกูลของมนุษย์ชาติทุกเผ่าพันธุ์มาจนทุกวันนี้ และตราบใดที่ยังไม่ถึงวันสิ้นโลก ลูกหลานของท่านก็ยังคงถูกอิบลีสมารร้ายล่อลวงอยู่ ดังนั้นหลังจากสมัยของอาดัม อัลลอฮฺจึงได้ส่งนบีต่าง ๆ มายังลูกหลานทุกกลุ่มของอาดัมให้มาบอกถึงวิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันตัวเองมิให้ถูกมารร้ายชัยฎอนล่อลวงไปลงนรก

3/06/2554

คุณลักษณะของรอซูล

มี 4 ประการ ด้วยกัน คือ


1.ศิดกุน คือ วาจาสัตย์ ไม่พูดเท็จ


2.อะมานะฮ์ คือ ไว้วางใจได้ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำความชั่วฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ


3.ตับลีค คือ นำศาสนาเผยแพร่แก่มนุษย์โดยทั่วถึง ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย


4.ฟะตอน๊ะฮ์ คือ เฉลียวฉลาด เท่าทันคน ไม่โง่เขลา

รอซูล 25 ท่านที่กล่าวไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน

ภายนอกวงเล็บ คือชื่ออาหรับ     ภายใน (วงเล็บ) คือชื่อฮิบรู


อาดัม
(อาดัม)

นุฮ์
(โนอาร์)

อิดรีส
(เอโนค,ฮาโนค)

ฮู้ด
(เฮเบอร์)

ซอลิห์ 
(เซลาห์)

อิบรอฮีม
(อับราฮัม)

อิสมาอีล
(อิซมาเอล)

อิสฮั
(อิสอัค,ไอแซก)

ยูซุฟ
(โยเซฟ)

ลูท
(โลท)

ยะกู๊บ
(ยาโคบ)

มูซา
(โมเสส,โมเซ)

ฮารูน
(อาโรน)

ซุอัยบ์
(เยโธร)

ซะกะรียา
(เซคาริยา)

ยะห์ยา
(ยอห์น)

อีซ
(เยซู,เยซัส)

ดาวูด,ดาอุด
(ดาวิด)

สุลัยมาน
(โซโลมอน)

อิลยาส
(เอลิยาห์,เอลิอัส)

อัลญ่าซะอ์
(เอริซา)

ซุ้ลคิฟลิ
(เอเซเคียล) 

อัยยุบ
(โยบ,อายโอฟ)

ยูนุส
(โยนาห์)

มุฮัมหมัด

ความหมายของ "รอซูล"

รอซูล 
หมายถึง บุคคลที่ได้รับเลือกมาจากท่านนบีดังกล่าวแล้ว อัลเลาะห์ได้เลือกเฟ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ให้ได้รับตำแหน่งรอซู้ลอีกตำแหน่งหนึ่ง เป็นผู้ที่ได้รับโองการจากอัลเลาะห์ให้มาปฏิบัติส่วนตัว และนำบัญญัตินั้นมาเผยแพร่แก่โลกมนุษย์ รอซู้ลทุกท่านมีคุณลักษณะ พูดจริง ทำจริง ไม่โป้ปดมดเท็จแต่ประการใด เป็นที่ไว้วางใจแก่มนุษย์ชาติทั้งหลาย ทรงไว้ซึ่งปฏิภาณอันเฉียบแหลม สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเรียบร้อย มีความสันติสุขทุกระยะเวลา มีจำนวนมาก นักปราชญ์บางท่านว่ามีประมาณ 313 หรือ 314 - 315 ท่าน